หลัก SEO ง่าย ๆ ช่วยให้คอนเทนต์ปัง แบบไม่เหนื่อยฟรี

นักเขียนบทความ นักเขียนข่าว หลายคนอาจเจอปัญหา เขียนอย่างไรก็ไม่มีคนอ่าน เขียนอย่างไรยอดคนอ่านก็ไม่ทะลุเป้าสักที นั่นอาจเป็นเพราะ “เขียนดี” แต่ “หาเจอได้ยาก” แล้วมีวิธีอะไรบ้างที่ทำให้คอนเทนต์ของเรา บทความของเรา คนเข้าถึงได้ง่าย?

เลือกหัวข้อที่จะเขียน ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

  1. เลือกหัวข้อที่จะเขียน ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย (Persona) แบรนด์ของเรากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร เราต้องรู้จักก่อน กลุ่มเป้าหมายสนใจอะไร สิ่งที่จะช่วยได้คือสถิติรายงานผลต่าง ๆ ยอด Traffic ที่เข้ามาในเว็บไซต์ คอนเทนต์แบบไหนยอดดี นั่นคือความสนใจของกลุ่มเป้าหมายเรา หาบทความเพื่อเสิร์ฟกลุ่มคนเหล่านั้น
  2. สังเกตหัวข้อที่นิยมจากบล็อกคู่แข่ง (Competitor Blogs) การจับเทรนด์ก็เป็นสิ่งสำคัญ การมองคู่แข่งทำให้เรารู้ว่าคอนเทนต์ประเภทไหนกำลังมา คนกำลังสนใจอะไร เราอาจแตกประเด็นแยกโดยให้อยู่ในหัวข้อความสนใจเดียวกัน เพื่อดึงคนเข้ามาอ่าน
  3. สังเกตหัวข้อที่นิยมจากกลุ่มสนทนาในแวดวงธุรกิจของเรา (Group) ต้องจับตามองว่าคนในแวดวงเดียวกันกำลังสนใจอะไร ยกตัวอย่างเช่น หากทุกแบรนด์กำลังคุยกันเรื่อง “มะม่วง” ในทุกแบรนด์ เราไม่ควรรอช้าหาคอนเทนต์เรื่องมะม่วงเสิร์พ ถ้าเรากระโจนเข้าไปในเทรนด์นั้นได้ จะส่งผลให้ยอด Traffic ของเราเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

เมื่อเรารู้หัวข้อที่จะเขียนแล้ว สิ่งสำคัญที่เป็นตัวช่วยให้การเขียนบทความของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นคือ “SEO”

รู้จัก “SEO” ตัวช่วยให้คอนเทนต์ขึ้นหน้าเสิร์จ Google

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การทำให้ Content เสิร์จเจอได้ง่ายผ่าน Google Search engine โดยหลักการง่าย ๆ ของ SEO มีดังนี้

  1. ทุกบทความที่เขียนต้องมี Keyword
  2. วาง Keyword ในจุดยุทธศาสตร์ทั้งห้า
  3. กระจายตัวอย่างเป็นธรรมชาติในบทความ
  4. บทความคุณภาพคือการทำ SEO ที่ดีที่สุด

Keyword คืออะไร สำคัญกับ SEO อย่างไร?

Keyword คือ คำค้นหาที่ใช้ค้นหาข้อมูลที่เราต้องการบน Search Engine ไม่ว่าจะเป็น สินค้า บริการ เว็บไซต์ และวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการค้นหาคอนโดใกล้แนวรถไฟฟ้า คีย์เวิร์ดที่เราใช้ในการค้นหาอาจจะเป็น คอนโดติดรถไฟฟ้า คอนโดใกล้ BTS MRT ฯลฯ ซึ่งพอเสิร์จเจอเราจะเห็นทั้งแบบ AD และออแกนิก

การเลือกใช้ Keyword ให้เกี่ยวข้องกับสินค้า หรือ เว็บไซต์ของเราจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของเราได้ และ ทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับและอยู่ในหน้าแรกของ Google ได้ง่ายขึ้นด้วย

Keyword จึงเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างลูกค้ากับเว็บไซต์ หากเราเลือก Keyword ได้แม่นยำ ตรงกลุ่มเป้าหมาย ก็มีโอกาสที่ผู้ใช้งานจะค้นหาเว็บไซต์ของเราเจอ และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้นนั่นเอง

3 ประเภทของ Keyword ที่ควรรู้!

  1. Brand Keyword คือ Keyword ที่มีความหมายเจาะจงไปที่แบรนด์อย่างชัดเจน การใส่ Brand Keyword ในเว็บไซต์ จะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ และช่วยให้ กลุ่มเป้าหมายเจอเว็บไซต์หรือข้อมูลของแบรนด์เราได้ง่ายมากขึ้น
    • ตัวอย่าง Brand Keyword : รองเท้า Nike รองเท้า Adidas น้ำแร่ Vichy ฯลฯ
  2. Generic Keyword คือ Keyword ที่มีความหมายกว้าง ๆ ไม่เฉพาะเจาะจง เป็นคำที่มี Search Volume สูง (ปริมาณการค้นหา) ถ้าหากสามาถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับด้วย Keyword ประเภทนี้ได้ จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่เนื่องด้วยเป็น Keyword ที่มี Search Volume สูง จึงทำให้คู่แข่งก็มีมากเช่นกัน
    • ตัวอย่าง Generic Keyword : บ้านเดี่ยว สินเชื่อ ประกันรถ ลิปสติก ฯลฯ
  3. Longtail Keyword คือ Keyword ที่มีความเฉพาะเจาะจงมาก ๆ และบอกความต้องการของคนที่ค้นหาได้อย่างชัดเจน แต่ Search Volume อาจจะน้อยกว่า Generic Keyword
    • ตัวอย่าง Longtail Keyword : บ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 5 ล้าน สินเชื่อสำหรับข้าราชการ ประกันรถยนตร์ชั้น 2 ฯลฯ

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้ Keyword แบบไหน?

  1. ดูจากเทรนด์ที่กำลังมา ข่าวดัง ข่าวเด่น
  2. ใช้โปรแกรมต่าง ๆ ช่วยในการหา Volume
    • Google Suggest
    • Google Trends
    • Google Keyword Planner

เมื่อหา Keyword ได้แล้ว ให้วาง KeyWord ในจุดยุทธศาสตร์ทั้งห้า

  • หัวข้อเรื่องต้องมี Keyword เสมอ
  • ลิงก์ต้องมี Keyword
  • เฮดของบทความต้องมี Keyword
  • บทความต้องมี Keyword แต่ไม่ควรเกิน 2.5%
  • หากนำรูปใส่ในบทความ ชื่อรูปควรใช้เป็น Keyword

แม้เราจะใช้ Keyword ช่วย แต่ “บทความคุณภาพ” คือการทำ SEO ที่ดีที่สุด

  • ความยาวของบทความบอกแนวโน้มว่าเป็นบทความคุณภาพ ขั้นต่ำ 300 – 500 คำขึ้นไป
  • บทความสดใหม่ (Original Content) คำว่าสดใหม่มีสองนัย คือ เขียนขึ้นเอง ไม่ซ้ำใคร กับอีกนัยนึงคือ เขียนก่อนใคร
  • บทความต้องมีความน่าสนใจ มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน
  • อัปเดตบทความอย่างน้อย วันละ 1 บทความ ยิ่งเยอะยิ่งดี
  • มีวิดีโอประกอบบทความ อาจนำจากใน YouTube เข้ามาใส่ก็ได้
  • สร้างลิงค์เชื่อมโยงเนื้อหาไปยังบทความอื่น ๆ ในเว็บไซต์ของตนเอง

ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนได้ที่ https://thaip.bs/OQGmhH3